วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ข่าว คนจน 5 ล้านคนเตรียมเฮ! รอลุ้น ครม. อนุมัติแจกเงิน 3 พันบาทวันนี้




       ลุ้น ครม. อนุมัติ มาตรการแจกเงินคนจน หรือ โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ รอบคนจน เมือง ที่ลงทะเบียนฯไว้ 5 ล้านคน แบ่งเป็น 2 หลักเกณฑ์ มีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 3 หมื่นบาท รับ 3,000 บาท ส่วน รายที่เกิน 30,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาทรับ 1,500 บาท เผยพร้อมจ่ายทันที่ในเดือน ธ.ค.นี้

   รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจะมีการแจกเงินให้คนจนที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนให้สวัสดิการกับคนมีรายได้น้อย ที่ไม่ใช่เกษตรกร ที่มียอดการลงทะเบียนไว้ประมาณ 5 ล้านคน

    โดยหลักเกณฑ์เบื้องต้น จะมีการแจกสวัสดิการเป็น 2 อัตรา คือ

คนที่มีรายได้ทั้งปี ไม่เกิน 30,000 บาท รัฐจะสนับสนุนเงินสวัสดิการให้ 3,000 บาท
คนที่มีรายได้ทั้งปีเกิน 30,000 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท รัฐจะสนับสนุนเงินสวัสดิการให้ 1,500 บาท


    ทั้งนี้หาก คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ กระทรวงการคลังจะแถลงรายละเอียดของโครงการให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยเบื้องต้น คาดว่าจะสามารถโอนเงินสวัสดิการแห่งรัฐตามมาตรการนี้ได้ภายในเดือนธันวาคม2559 นี้

      สำหรับผู้มีรายได้น้อย ตามโครงการมาตรการสวัสดิการแห่งรัฐนี้ เป็นโครงการที่รัฐบาลได้เปิดให้มีการลงทะเบียนคนมีรายได้น้อยมาก่อนหน้าผ่านธนาคารรัฐคือ ธนาคารออมสิน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธ.ก.ส. โดยยอดผู้ลงทะเบียนล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านคน


    โดยแบ่งเป็น คนมีรายได้น้อยที่เป็นเกษตรกร ประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งรัฐได้ออกมาตรการสนับสนุนไปแล้วก่อนหน้านี้  และผู้ที่มีรายได้น้อยที่ไม่ใช่เกษตรอีกจำนวน 5 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการเงินสนับสนุนในครั้งนี้ โดยทั้งสองส่วนจะใช้งบประมาณรวมประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการสนับสนุนคนมีรายได้น้อยที่เป็นเกษตรกร 6 พันล้านบาท และ คนมีรายได้น้อยทั่วไป 1 หมื่นล้านบาท


ที่มา : http://money.sanook.com/440285/
ข่าววันที่ : 22 พ.ย. 2559 


ตัวย่อคำศัพท์เกี่ยวกับการเงิน


MLR (Minimum Loan Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา ส่วนมากจะให้สำหรับการปล่อยกู้ซื้อบ้านโดยจะมีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าแบบอื่นๆ

MLR+3 หมายถึง ให้หาฐานของดอกเบี้ย MLR ในขณะนั้นเสียก่อน เช่น ดอกเบี้ย MLR ขณะนั้นเท่ากับ 5% ต่อปี ดังนั้นดอกเบี้ย MLR+3(5+3) จึงเท่ากับ 8% ต่อปีนั่นเอง ซึ่งวิธีการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับอัตราดอกเบี้ยแบบ MOR และ MRR แต่จะมีบวกหรือลบหรือไม่นั้นและจะมีเป็นจำนวนเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับธนาคารจะเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง

MOR (Minimum Overdraft Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีชนิดเงินกู้เบิกเกินบัญชีขั้นต่ำ

MRR (Minimum Retail Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี

CPR (Consumer Product Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ที่แต่ละธนาคารได้กำหนดออกมา

NPL (Non Performing Loan) หมายถึง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์ พูดง่ายๆก็คือหนี้เสียนั่นเอง Credit Bureau หมายถึง ข้อมูลประวัติการชำระสินเชื่อและบัตรเครดิตของประชาชนแต่ละคน

DEP/ PC/ CD หมายถึง การฝากเงินเข้าบัญชีด้วยเงินสดโดยใช้สมุดคู่ฝาก

W/D /CS/CW หมายถึง ถอนเงินสดออกจากบัญชีโดยใช้สมุดคู่ฝาก
NBD / PCN/ C1 หมายถึง การฝากเงินสดเข้าไปในบัญชีโดยไม่ได้ใช้สมุดคู่ฝาก ส่วนใหญ่คือการฝากเงินเข้าบัญชีโดยใช้บัตรเอทีเอ็มผ่านเข้าทางเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ

NBW / CSN/ C2 หมายถึง การถอนเงินออกจากบัญชีโดยไม่ได้ใช้สมุดคู่ฝาก โดยมากมักหมายความว่าการถอนเงินโดยใช้บัตรเอทีเอ็มผ่านเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ

INT /IN /IN หมายถึง ดอกเบี้ยที่ไดรับจากการฝากเงินกับทางธนาคารแห่งนั้น

TX หมายถึง ภาษีที่ถูกหัก

CCB /CC,CL,HC /OD,QD หมายถึง การฝากเงินเข้าบัญชีของตนเองโดยการใช้เช็คเงินสดของธนาคารต่างๆ

RTD /CR /RT หมายถึง เช็คคืนหรือที่ชาวบ้านรู้จักทั่วไปในนามว่าเช็คเด้งนั่นเองอันเกิดจากยอด เงินในบัญชีไม่มีเพียงพอที่จะจ่ายตามที่ถูกระบุไว้ในเช็คนั่นเอง

COR /ER /EC หมายถึง รายการที่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง

TRD /TRD /XD หมายถึง การฝากเงินเข้าสู่บัญชีของตนเองด้วยวิธีการโอนมาจากบัญชีอื่นๆ

TRW /TRW /XW หมายถึง การถอนเงินออกจากบัญชีของตนเองด้วยวิธีการโอนออกไปสู่บัญชีอื่นๆ

- /CM /FE หมายถึง ค่าธรรมเนียมในการดำเนินงานของธนาคาร


วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว สมคิดยันรัฐมีมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อย


     รองนายกฯ 'สมคิด' ยันรัฐมีมาตรการพร้อมดูแลผู้มีรายได้น้อยในเมือง รายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด - พอใจตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 3.2%

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง หามาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่มีรายได้รวมไม่เกินปีละ 100,000 บาท ในพื้นที่เขตเมืองกว่า จากยอดผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐทั้งหมด 8.3 ล้านราย เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือผ่านการเติมเงินให้กับเกษตรกรที่มีระดับรายได้ยากจนไปแล้วซึ่งต้องเร่งให้ความช่วยเหลือเพราะถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการและเป็นนโยบายสำคัญในการดูแลสังคม

   ขณะที่มาตรการยกเว้นภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้สำอางและน้ำหอม กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด โดยต้องคิดให้รอบคอบถึงผลดีและผลเสียที่จะได้รับว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่


   สำหรับตัวเลขไตรมาส 3 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศออกมาอยู่ที่ร้อยละ 3.2 นั้น ถือว่าเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้เป็นที่น่าพอใจ แต่อาจจะชะลอลงบ้าง เนื่องจากการเปรียบเทียบรายจ่ายของปีก่อนสามารถทำได้สูง เพราะภาครัฐได้เร่งการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ไทยยังขยายตัวได้ดีกว่า เช่น สิงคโปร์ ขยายตัวได้เพียงร้อยละ 0.6 หรือเกาหลีใต้ ที่ขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2 เท่านั้น

    ทั้งนี้ ยอมรับว่า ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยปรับตัวลดลง เนื่องจากประชาชนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะใช้จ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญในช่วงที่ผ่านมา จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลและฟื้นฟูให้ดีขึ้น โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเศรษฐกิจเกิดการอ่อนแรงลงก็จะมีมาตรการเข้าไปดูแลให้มีความเข้มแข็ง เพราะได้เตรียมการไว้หมดแล้ว




ที่มา http://money.sanook.com/440045/
ข่าววันที่ 21 พ.ย. 2559

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว เกษตรฯ จ่อชง ครม.ปล่อยสินเชื่อขยายวงเงินกู้ นาแปลงใหญ่ 10 ล้านบาท


     ก.เกษตรฯ เตรียมชงมาตรการช่วยเกษตรกรเข้า ครม. ขยายวงเงินสินเชื่อนาแปลงใหญ่ เป็น 10 ล้านบาท ผ่อน 5 ปี ดอกเบี้ย 0.01 เปอร์เซ็นต์ 
    เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมนำเอามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพ เช่น นาแปลงใหญ่ ในการลดต้นทุนการผลิต โดยจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้แก่เกษตรกรผ่านการขยายวงเงินสินเชื่อเงินสูงสุดเป็น 10 ล้านบาท ระยะเวลา ผ่อนชำระคืน 5 ปี มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 จากเดิมเกษตรกรสามารถขอสินเชื่อสูงสุดได้ 5 ล้านบาท ระยะเวลาชำระคืน 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 คาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มจากมาตรการเดิม 5,000 ล้านบาท รวมโครงการดังกล่าวจะใช้เงินอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อกำหนดมติที่ชัดเจนจากกระทรวงเกษตรฯ ก่อนเสนอ ครม. 

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางมาตรวจเยี่ยม พร้อมติดตามการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯ ในสัปดาห์หน้า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการจากทางนายกรัฐมนตรี มีเพียงกระแสข่าวเท่านั้น โดยกระทรวงเกษตรฯ พร้อมรายงานการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบทุกเมื่อ


ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/781902
ข่าววันที่ : 13 พ.ย. 2559

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว รัฐเพิ่มสินเชื่อชะลอขายข้าวเป็นตันละ 13,000 บาท

ครม.อนุมัติตามข้อสรุปที่ประชุมนบข.ที่ให้เพิ่มเงินสินเชื่อชะลอขายข้าวเป็นตันละ 13,000 บาท 
     
     บิ๊กตู่ขอชาวนาอย่าฟังข้อมูลบิดเบือน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) นัดพิเศษเช้าวันนี้มีมติกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี เป็นตันละ 13,000 บาท เพิ่มจากการประชุม นบข.วานนี้ซึ่ง กำหนดที่ 11,525 บาท/ตัน ซึ่งประกอบด้วย ค่าข้าวเปลือก เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงข้าว และค่าเก็บรักษาข้าวไว้ในยุ้งฉาง สำหรับเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางไม่เข้าร่วมโครงการนี้สามารถขายได้ในราคาตลาด โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวข้าวปรับปรุงคุณภาพโดยธกส.โอนเงินเข้าบัญชีในอัตราตันละ 2,000 บาท

     นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวได้มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ซึ่งสามารถทำได้ เพราะไม่ได้เป็นการจำนำข้าวทุกเมล็ดและไม่ใช่การนำข้าวที่ได้จากโครงการไปเก็บในคลังของรัฐ โดยหวังว่ามาตรการนี้จะทำให้ชาวนาพอใจในระดับหนึ่งและทำให้ราคาข้าวในตลาดปรับดีขึ้น แต่อยากให้เห็นใจรัฐบาลที่มีงบประมาณจำกัดและขณะนี้ก็มีผลกระทบหลายด้าน ทั้งจากปัญหาน้ำท่วม และปริมาณความต้องการข้าวลดลง 

     "การจะทำให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นแต่ทำผิดกฎหมายรัฐบาลไม่สามารถทำได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร และต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ รวมทั้งโรงสีต้องโปร่งใสสุจริต ขณะที่ชาวนาต้องมีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบความชื้นเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบกันให้ได้ราคาที่เป็นธรรม"นายกรัฐมนตรี กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องเข้าใจภาวะตลาดโลกว่าเป็นอย่างไร รวมถึงต้องวางแผนการเพาะปลูกอย่างเหมาะสม มีการทำเกษตรแปลงใหญ่ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเครื่องมือและจัดหาโรงสีขนาดกลางลงไปในแต่ละพื้นที่

      นอกจากนี้ ได้สั่งให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงไปสำรวจโรงสีว่ามีสิ่งใดแทรกซ้อนหรือไม่ และขอให้ชาวนาอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน เพราะราคาข้าวที่ตกต่ำในขณะนี้เป็นเพียงข้าวที่เก็บเกี่ยวหนีน้ำ มีความชื้นสูง และไวต่อแสง ซึ่งจะออกผลผลิตในช่วงเดือน ต.ค.ถึง พ.ย.59 ประมาณ 2 ล้านตันเท่านั้น และขอให้ติดตามข้อมูลต่างๆจากรัฐบาล

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข่าว ธอส.จับมือผู้ประกอบการ ทำให้คนไทยมีบ้าน จัดงาน “ธอส.มหกรรมที่อยู่อาศัย-สินเชื่อเพื่อประชาชน ประจำปี 2559”

      ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เดินหน้าพันธกิจ : ทำให้คนไทยมีบ้าน จัดงาน "ธอส.มหกรรมที่อยู่อาศัย–สินเชื่อเพื่อประชาชน ประจำปี 2559" ในพื้นที่ สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2559 และนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2559 ชูสินเชื่อบ้าน 63 ปี อัตราดอกเบี้ย 5 เดือนแรก เท่ากับ MRR–6.12% ต่อปี ยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี (1) ฟรีค่าจดทะเบียนจำนอง (2) ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกันทุกวงเงินกู้ (3) ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ (4) ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ รวมถึงจำหน่ายทรัพย์ NPA คุณภาพดีทำเลเด่น พร้อมจับมือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่นำที่อยู่อาศัยระดับคุณภาพมาจำหน่ายในราคาโดนใจ พร้อมตรวจสอบข้อมูลเครดิตฟรี!!

      นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ส่งเสริมให้คนไทยมีบ้านได้มากยิ่งขึ้น ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงได้ร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ จัดงาน "ธอส.มหกรรมที่อยู่อาศัย – สินเชื่อเพื่อประชาชน ประจำปี 2559" นับเป็นมหกรรมที่อยู่อาศัยครบวงจรแห่งปีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่กำลังหาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง นำโดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ได้การตอบรับจากลูกค้ามากที่สุดในเวลานี้ "โครงการสินเชื่อบ้าน 63 ปี ธอส." อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 5 เดือนแรก เท่ากับ MRR–6.12% ต่อปี (หรือเท่ากับ 0.63% ต่อปี คิดจากดอกเบี้ย MRR ธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.75% ต่อปี) เดือนที่ 6 – 36 ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR–3.12% ต่อปี (หรือเท่ากับ 3.63% ต่อปี) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ กรณีลูกค้าสวัสดิการดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี กรณีซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR โดยให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น และซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยพร้อมกับกู้เพื่อซื้อ หรือไถ่ถอนจำนอง พิเศษ!!! ยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี ได้แก่ 1.ฟรีค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินกู้ตามสัญญากู้เงิน(เฉพาะลูกค้าที่ทำนิติกรรมจดทะเบียนการโอนและจดทะเบียนการจำนอง ณ สำนักงานที่ดินภายใน 7 วันทำการ นับถัดจากวันที่ธนาคารอนุมัติเงินกู้) 2.ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกันทุกวงเงินกู้ (1,900 / 2,800 /3,100 บาท ตามวงเงินกู้) 3.ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท) และ 4.ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ) เฉพาะลูกค้าที่จองสิทธิ์ภายในงาน ทั้งนี้ ผู้ที่จองสิทธิ์โครงการสินเชื่อบ้าน 63 ปี ธอส.ภายในงานที่ จ.สุราษฎร์ธานี ต้องยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ส่วนลูกค้าที่จองสิทธิ์สินเชื่อภายในงานที่ จ.นครสวรรค์ ต้องยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2559

      นอกจากนี้ธนาคารได้คัด ทรัพย์ NPA หรือ บ้านมือสอง คุณภาพดี ทำเลเด่น มาจำหน่ายในราคาโดนใจส่ง ท้ายปี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย เสนอแคมเปญ "เงินดาวน์ผ่อนได้" กรณีผ่อนชำระเงินดาวน์ 10% ของราคาซื้อขาย ดอกเบี้ย 0% นานถึง 12 เดือน หรือหากเทเงินดาวน์ 10% ของราคาซื้อขาย ส่วนที่เหลืออีก 90% รับสินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 90 % หรือกรณีผ่อนชำระเงินดาวน์ 20% ของราคาซื้อขาย ดอกเบี้ย 0% นานถึง 24 เดือน หากเทเงินดาวน์ 20% ของราคาซื้อขาย ส่วนที่เหลืออีก 80% รับสินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 24 เดือน วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 80 % ผ่อนนานสูงสุดถึง 30 ปี

      ภายในงานยังได้พบกับโครงการที่อยู่อาศัยระดับคุณภาพของบรรดาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่นำที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภทและระดับราคามาเปิดจำหน่ายพร้อมด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น และยังมีบริการตรวจข้อมูลเครดิตส่วนตัวฟรี!! ได้ที่บูธของ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียว รวมถึงสอบถามข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ที่บูธของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. ได้อีกด้วย

      นอกจากนี้ยังมีบูธ โครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน ซึ่งจะได้พบกับเจ้าหน้าที่ของ ธอส. ที่จะมาช่วยให้คำแนะนำ และส่งเสริมความรู้ในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ หรือ Financial Literacy อาทิ กรณีผู้ที่ประกอบอาชีพประจำ/อาชีพอิสระ ซึ่งไม่สามารถแสดงหลักฐานแหล่งที่มาของรายได้ เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้จัดทำสมุดบัญชีรับ - จ่ายรายวัน ตามแบบฟอร์มที่ธนาคารกำหนดไม่น้อยกว่า 9 เดือน พร้อมกับเปิดบัญชีเงินฝาก และฝากเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำมาแสดงเป็นหลักฐานแสดงที่มาของรายได้ แนะนำการจัดเก็บหลักฐาน อาทิ ใบเสร็จรับเงิน สัญญาเช่าแผงค้าขาย เป็นต้น เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด จะช่วยให้มีโอกาสยื่นคำขอพิจารณาสินเชื่อกับธนาคารได้ในอนาคต

     ทั้งนี้งาน"ธอส.มหกรรมที่อยู่อาศัย – สินเชื่อเพื่อประชาชน ประจำปี 2559" จะจัดขึ้นในพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี และในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2559 ณ ศูนย์การค้าวี-สแควร์ พลาซ่า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์





ที่มา : http://www.ryt9.com/s/prg/2538471
ข่าววันที่ 28 ตุลาคม 2559

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข่าว ธนาคารออมสินช่วยภัยน้ำท่วมให้กู้ 5 หมื่น ปลอดดอกเบี้ย 1 ปี พร้อมพักชำระหนี้ลูกค้าสินเชื่อทุกประเภท


     นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้เปิดเผยว่า จากการที่ได้เกิดเหตุอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งได้สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อลูกค้าของธนาคารและประชาชนทั่วไปนั้น

ธนาคารออมสินได้มีมาตรการในการบรรเทาความเดือดร้อนลูกค้าของธนาคารออมสิน โดยได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายของลูกค้าและออกเยี่ยมเยียนประชาชนและลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย และนำถุงยังชีพออกแจกจ่าย พร้อมกันนี้ธนาคารๆ ได้ออกมาตรการด้านสินเชื่อ ภายใต้เงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าและประชาชนทั่วไป คือ “สินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน”

สำหรับเงื่อนไขดังกล่าวจะให้สิทธิ์ในวงเงินครอบครัวละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี ไม่คิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 1 ปี (ดอกเบี้ย 0% ในปีแรก) หลังจากนั้นในช่วงปีที่ 2-5 คิดอัตราดอกเบี้ยตามอัตราปกติ คือ 1% ต่อเดือน โดยลูกค้าสามารถติดต่อได้ที่สาขาธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ

     นอกจากนี้แล้ว ธนาคารยังได้บรรเทาภาระลูกค้าสินเชื่อทุกประเภทที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ด้วย โดยลูกค้าสามารถเลือกเงื่อนไขต่างๆได้เช่น
– พักชำระหนี้เงินต้นไม่เกิน 2 – 3 ปี
– ชำระเงินต้นบางส่วนไม่เกิน 2 ปี
– ระหว่างพักชำระเงินต้น ให้ชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยปกติ 100% ชำระดอกเบี้ยปกติไม่น้อยกว่า 50%
– ขยายระยะเวลาเท่ากับระยะเวลาพักชำระเงินต้น หรือไม่เกิน 2 เท่า ของระยะเวลาคงเหลือตามสัญญากู้หรือสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่ต้องไม่เกิน 20 ปี

โดยลูกค้าในทุกเงื่อนไขต้องได้รับการอนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2559 นี้