วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข่าว รัฐเพิ่มสินเชื่อชะลอขายข้าวเป็นตันละ 13,000 บาท

ครม.อนุมัติตามข้อสรุปที่ประชุมนบข.ที่ให้เพิ่มเงินสินเชื่อชะลอขายข้าวเป็นตันละ 13,000 บาท 
     
     บิ๊กตู่ขอชาวนาอย่าฟังข้อมูลบิดเบือน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) นัดพิเศษเช้าวันนี้มีมติกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี เป็นตันละ 13,000 บาท เพิ่มจากการประชุม นบข.วานนี้ซึ่ง กำหนดที่ 11,525 บาท/ตัน ซึ่งประกอบด้วย ค่าข้าวเปลือก เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงข้าว และค่าเก็บรักษาข้าวไว้ในยุ้งฉาง สำหรับเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางไม่เข้าร่วมโครงการนี้สามารถขายได้ในราคาตลาด โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวข้าวปรับปรุงคุณภาพโดยธกส.โอนเงินเข้าบัญชีในอัตราตันละ 2,000 บาท

     นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวได้มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ซึ่งสามารถทำได้ เพราะไม่ได้เป็นการจำนำข้าวทุกเมล็ดและไม่ใช่การนำข้าวที่ได้จากโครงการไปเก็บในคลังของรัฐ โดยหวังว่ามาตรการนี้จะทำให้ชาวนาพอใจในระดับหนึ่งและทำให้ราคาข้าวในตลาดปรับดีขึ้น แต่อยากให้เห็นใจรัฐบาลที่มีงบประมาณจำกัดและขณะนี้ก็มีผลกระทบหลายด้าน ทั้งจากปัญหาน้ำท่วม และปริมาณความต้องการข้าวลดลง 

     "การจะทำให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นแต่ทำผิดกฎหมายรัฐบาลไม่สามารถทำได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร และต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ รวมทั้งโรงสีต้องโปร่งใสสุจริต ขณะที่ชาวนาต้องมีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบความชื้นเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบกันให้ได้ราคาที่เป็นธรรม"นายกรัฐมนตรี กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องเข้าใจภาวะตลาดโลกว่าเป็นอย่างไร รวมถึงต้องวางแผนการเพาะปลูกอย่างเหมาะสม มีการทำเกษตรแปลงใหญ่ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเครื่องมือและจัดหาโรงสีขนาดกลางลงไปในแต่ละพื้นที่

      นอกจากนี้ ได้สั่งให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงไปสำรวจโรงสีว่ามีสิ่งใดแทรกซ้อนหรือไม่ และขอให้ชาวนาอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน เพราะราคาข้าวที่ตกต่ำในขณะนี้เป็นเพียงข้าวที่เก็บเกี่ยวหนีน้ำ มีความชื้นสูง และไวต่อแสง ซึ่งจะออกผลผลิตในช่วงเดือน ต.ค.ถึง พ.ย.59 ประมาณ 2 ล้านตันเท่านั้น และขอให้ติดตามข้อมูลต่างๆจากรัฐบาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น