นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ) แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมืองตามแนวทางประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันมีถึง 9 ล้านคน
ทั้งนี้โครงการนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบเพื่อการประกอบอาชีพ และยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนภายในครอบครัว อันเป็นการช่วยลดปัญหาเงินกู้นอกระบบ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการดำรงชีพให้มีชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น รวมถึงเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมืองได้รับความรู้ทางการเงินเพื่อการประกอบอาชีพที่ยังยืนอีกด้วย
สำหรับโครงการนี้จะดำเนินการผ่านธนาคารออมสิน ประกอบด้วยมาตรการจำนวน 3 มาตรการ คือ
มาตรการที่ 1. มาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน
คุณสมบัติผู้กู้ เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยทั่วไป เช่น พ่อค้า แม่ค้า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ให้บริการรถรับจ้างสาธารณะ กลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือผู้รับจ้างให้บริการทั่วไป ที่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 65 ปี และต้องเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้แน่นอน
สำหรับวงเงินให้กู้นั้น จะให้กู้ตามความจำเป็นไม่เกินรายละ 5 หมื่นบาท โดยเมื่อรวมจำนวนเงินกู้คงเหลือตามสัญญาเดิมของสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชนทุกประเภท กับจำนวนเงินที่ขอกู้ในครั้งนี้ รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 2 แสนบาทต่อราย
ผู้กู้มีระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ 5 ปี (60 งวด) โดยในปีแรกไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ส่วนปีที่ 2-5 คิดดอกเบี้ยที่อัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หลักประกันการกู้เงิน ใช้บุคคลค้ำประกัน หลักทรัพย์เป็นหลักประกัน หรือค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย) ระยะเวลาโครงการสามารถยื่นขอสินเชื่อภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559
มาตรการที่ 2. มาตรการประชารัฐเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชนภายใต้นโยบายรัฐบาล
เป็นมาตรการเฉพาะลูกค้าของธนาคารออมสินเอง ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาวะทางเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติของลูกค้าธนาคารออมสินที่ใช้บริการสินเชื่อ และอยู่ในระหว่างการผ่อนชำระคืนที่มีความประสงค์ขอพักชำระหนี้ชั่วคราว หรือขอขยายระยะเวลาชำระหนี้เพื่อลดภาระรายจ่าย ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. พักชำระเงินต้นและชำระเฉพาะดอกเบี้ยได้นานสูงสุดเป็นระยะเวลา 3 ปี
2.ขยายระยะเวลาชำระหนี้เพิ่มได้เท่ากับระยะเวลาพักชำระเงินต้นหรือขยายเวลาการชำระหนี้ได้ 2 เท่าของระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาเงินกู้ โดยมีระยะเวลาที่ขยายการชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 20 ปี ตามเงื่อนไขของสินเชื่อแต่ละประเภท
ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการนี้สามารถติดต่อขอเข้าร่วมมาตรการภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2559 นี้
โดยทั้ง 2 มาตรการดังกล่าว ธนาคารออมสินไม่ขอรับชดเชยภาระดอกเบี้ยและต้นทุนจากรัฐบาลจึงไม่ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณของรัฐแต่อย่างใด
มาตาการที่ 3.โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพ
และสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมือง วัตถุประสงค์ของโครงการนี้ก็เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพ และการให้ความรู้ทางการเงินให้แก่ประชาชนฐานรากในพื้นที่ชุมชนเมือง โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่สนใจเข้ารับการอบรม จำนวน 150,000 ครอบครัว ครอบครัวละ 1 คน กระจายตามพื้นที่ทุกจังหวัด
โดยหลักสูตรการอบรมประกอบด้วย 2 หลักสูตร ได้แก่
2.การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ หัวข้อ เทคนิคการขาย การบริการเพื่อเพิ่มรายได้
โดยโครงการอบรมนี้มีระยะเวลาในการดำเนินการ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึง ธันวาคม 2559 ใช้งบประมาณ 163 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณของธนาคารออมสิน 13 ล้านบาท และรัฐบาลสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 150 ล้านบาท
ทั้งนี้ผู้สนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาใกล้บ้าน
ที่มา : http://thaifastcash.com/
ข่าววันที่ 3 สิงหาคม 2559